วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

การวิจัยการตลาด

         Philip Kotler ได้ให้นิยามของคำว่า "การวิจัยการตลาด" ไว้ดังนี้
การวิจัยการตลาด หมายถึง  '' การดำเนินงานอย่างมีระบบเกี่ยวข้องกับการออกแบบ การเก็บรวบรวม การวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงาน ผลข้อมูลเพื่อให้รู้ว่าบริษัทกำลังเผชิญกับสถานการณ์ทางการตลาดแบบใด" การวิจัยการตลาดมีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะการที่ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการจะต้อง ตัดสินใจดำเนินการอย่างไร จำเป็นต้องอาศัยสารสนเทศมาประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบาย วางแผน จัดองค์การ การปฏิบัติตามแผน และการควบคุมการดำเนินงานทางการตลาดให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
        การวิจัยการตลาดมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
1. ช่วยชี้แนวทางการผลิตสินค้าหรือบริการ ทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าเขาควรผลิตสินค้าอะไรเป็นจำนวนเท่าใด
2. ช่วยชี้แนวทางการกำหนดราคาที่เหมาะสม ทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าราคาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร
 3. ช่วยชี้แนวทางการจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าจะจัดจำหน่ายอย่างไร ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ เหมาะสมควรใช้ช่องทางใด
4. ช่วยชี้แนวทางการส่งเสริมการตลาด ทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าควรส่งเสริมการตลาดอย่างไร ควรสร้างสิ่ง ดึงดูดใจในตัวสินค้าเพื่อให้เกิดการซื้ออย่างไร เมื่อไร เวลาใด
 5. ทำให้ผู้ผลิตทราบผลการดำเนินงาน ยอดขาย ส่วนครองตลาด ต้นทุน และกำไร
 6. ช่วยให้ผู้ผลิตทราบสารสนเทศเกี่ยวกับการซื้อการขายและความต้องการสินค้า ทำให้ทราบแนวโน้ม ยอดขายสินค้าแต่ละชนิดมีประโยชน์ในการพยากรณ์ยอดขาย และกำหนดอาณาเขตขาย
7. การวิจัยผลิตภัณฑ์ช่วยชี้แนวทางการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์
8. การวิจัยโฆษณาช่วยให้สามารถสร้างอิทธิผลต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคได้
9. การวิจัยการส่งกำลังบำรุงทางการตลาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้
10. ช่วยในการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานขาย
     ประโยชน์ของการวิจัยการตลาด ผู้จัดการการตลาดทำการวิจัยการตลาดเพื่อศึกษาปัญหาและโอกาสทางการตลาด มักจะทำการ สำรวจตลาดเพื่อทดสอบความพึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์ พยากรณ์ยอดขายในแต่ละอาณาเขตขาย ประเมิน ประสิทธิผลของชิ้นงานโฆษณา เป็นต้น บริษัทขนาดใหญ่จะมีฝ่ายวิจัยการตลาดเป็นของตนเอง แต่บริษัทเล็ก ๆ
    อาจพึ่งพาบุคคลภายนอก/องค์การที่ให้บริการด้านการวิจัยดังนี้
1. จ้างผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ หรือนักศึกษาทำโครงการวิจัย
2. หาสารสนเทศจาก Internet โดยการเปิดเว็บไซต์ของคู่แข่งขัน ติดตามจาก chat rooms เป็นต้น
3. ตรวจสอบคู่แข่งขันโดยการเยี่ยมเยียนคู่แข่งขันเพื่อสำรวจกิจกรรมการตลาด การจัดแสดงสินค้า กลยุทธ์การตลาดของคู่แข่งขัน บริษัทส่วนใหญ่มักจัดสรรงบประมาณวิจัยการตลาดไว้ประมาณ 1-2% ของยอดขาย บางบริษัทจะใช้ งบประมาณจำนวนมากเพื่อซื้อบริการวิจัยการตลาดจากแหล่งภายนอกซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
1. ธุรกิจที่ขายสารสนเทศทางการตลาดโดยตรง (Syndicated Service Research firms) ได้แก่ บริษัท เอซี เนลสัน จำกัด รวบรวมสารสนเทศเกี่ยวกับผู้บริโภคและการค้าอื่น ๆ โดยขายสารสนเทศเหล่านั้น แก่ผู้ที่ต้องการ
 2. ธุรกิจที่รับจ้างทำการวิจัยการตลาดตามที่ลูกค้ากำหนด (Custom Marketing Research Firms)
3. ธุรกิจที่บริการด้านการวิจัยการตลาดเฉพาะอย่าง (Specialty-Line Marketing Research Firms) เช่น บริษัทรับจ้างออกงานสนามสำรวจข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์
  ประเภทของการวิจัลักษณะของการวิจัยการตลาดที่ดีมี 7 ประการ ดังนี้ 
1. หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) การวิจัยการตลาดที่มีประสิทธิผลต้องใช้ หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ 4 ประการ คือ · มีการสังเกตอย่างระมัดระวัง (Careful Observation) · มีการกำหนดสมมติฐาน (Formulation of Hypothesis) · มีการคาดคะแนนผลลัพธ์ล่วงหน้า (Prediction) · มีการทดสอบ (Testing)
2. ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ (Research Creativity) การวิจัยการตลาดที่ดีสามารถช่วยให้ นักการตลาดเกิดการพัฒนาแนวความคิดใหม่ในการแก้ไขปัญหาทางการตลาด
3. ใช้วิธีการที่หลากหลาย (Multiple Methods) ผู้วิจัยการตลาดที่ดีควรใช้วิธีการวิจัย 2-3 วิธี เพื่อให้ ผลการวิจัยเกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ไม่ควรไว้วางใจกับการวิจัยวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงวิธีเดียว
 4. ใช้โมเดลและข้อมูลที่สอดคล้องกัน (Interdependence of Models and Data) ผู้วิจัยการตลาด ที่ดีพึงระลึกไว้เสมอว่าจะต้องใช้โมเดลและข้อมูลที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน
5. คุณค่าและต้นทุนของสารสนเทศจากงานวิจัย (Value and Cost of Information) ผู้วิจัยการตลาด ที่ดีจะเปรียบเทียบคุณค่า (ประโยชน์) ของสารสนเทศจากงานวิจัยจะต้องคุ้มกับต้นทุนเพื่อให้ได้สารสนเทศนั้นมา ต้นทุนการวิจัยคำนวณออกมาได้ง่ายในขณะที่คุณค่าของงานวิจัยยากต่อการคาดคะเน คุณค่าของงานวิจัย ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ และความเที่ยงตรงของผลการวิจัย และความเต็มใจของฝ่ายจัดการที่จะยอมรับและ ปฏิบัติตามผลการวิจัยนั้น
 6. การตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อสมมติฐานที่เหมาะสม (Healthy Skepticism)ผู้วิจัยการตลาดต้อง ศึกษาสมมติฐานที่กำหนดโดยผู้จัดการการตลาดเพราะในบางกรณีอาจไม่ถูกต้องเสมอไป เนื่องจากไม่ได้ วิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้งมาก่อน
                                                       
                                                         วิดีโอการวิจัยการตลาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น